top of page
Search

แจกแพลนเที่ยวนิวยอร์ก 4 วัน 3 คืน ชิลๆ เที่ยวโคตรง่ายกับ Journey-ism

Updated: Oct 30, 2019




NYC / New York City, ประเทศสหรัฐอเมริกา ถือเป็นอีกหนึ่งเมือง และเป็นประเทศที่รู้จักมาตั้งแต่เด็ก ใฝ่ฝันมานาน ว่าจะได้มาเที่ยวที่นี่ซักครั้ง บอกเลยว่าโคตรชอบเลยแหละ ทุกอย่างของนิวยอร์กคือดีจริงๆ ตั้งแต่บ้านเมืองตึกรามบ้านช่องที่มีเสน่ห์ มีการแฝงความน่ารักด้วยตึกรูปทรงต่างๆ อีกทั้งยังมีแลนด์มาร์คดัง และยังช้อปปิ้งสนุกอีก เห้ย เมืองหลวงของมหานครของโลกที่ชิคเบอร์หนึ่งขนาดนี้ ก็ต้องมาซักครั้งในชีวิตแล้วแหละ


 

ก่อนจะเดินทางไปอเมริกาทั้งที เรามาดู Check list กันหน่อยดีกว่าว่าเราควรพกอะไรไป และอะไรไม่ควรเอาไป ของสำคัญต้องพร้อม ไม่ว่าจะเป็นเอกสารการเดินทาง เอกสารระบุตัวตน และข้าวของเครื่องใช้ตลอดทั้งคริป เพื่อที่จะช่วยให้เราเดินทางได้แบบราบรื่นไม่มีสะดุด



 

DAY 0

  • Landing to JFK Airport, NY

  • Hotel Check-in l Queens

หลังจากที่ผ่านตม.ออกมาจากสนามบินได้เรียบร้อยแล้วก็ตรงไปยังตู้ขายตั๋ว MTA อัตโนมัติ ซึ่งค่าเดินทางจะอยู่ที่ เที่ยวละ $2.50 ถ้าซื้อแบบ Single Ride แล้วก็มีแบบ เหมา 7 Days Unlimited Ride ค่าตั๋วจะอยู่ที่ $30 + $1 ค่าบัตร

โดยเจ้าเครื่องขายตั๋วอัตโนมัตินี้สามารถจ่ายได้ทั้งเงินสด และ บัตรเดบิต/เครดิต เรียกได้ว่าสะดวกสุดๆ (รูปภาพจาก Shutterstock.com )

Tips:

สำหรับคนที่พักอยู่ในย่าน Manhattan หรือใครที่มาเที่ยวที่นี่เพียงแค่ 2-3 วัน จะแนะนำให้ซื้อบัตรแบบ Pay per ride คือจะถูกตัดเงินครั้งละ $2.50 เพราะสำหรับคนที่พักในย่าน Manhattan ถ้าวางแผนการเที่ยวดีๆ จะใช้บริการ Subway น้อยมาก เพราะสถานที่แต่ละที่สามารถเดินไปได้

และสำหรับคำที่พักนอก Manhattan แนะนำให้ซื้อแบบ 7 Days Unlimited Ride เผื่อหลงด้วยจะคุ้มกว่ากันมาก !!

ส่วนการขึ้นรถบัสใน NYC นั้น เราสามารถใช้บัตรเดียวกับ Subway เพียงแค่นำไปติ๊ดที่ตู้ขายตั๋วที่ป้ายรถบัส แล้วเครื่องจะปริ้นตั๋วกระดาษออกมาแล้วนำตั๋วนั้นไปให้คนขับดู กับอีกวิธีนึงคือในรถบัสแต่ละคันจะมีช่องรูดบัตร MTA เพียงขึ้น รูด เข้าไปนั่ง จบ ง่ายนิดเดียว ฮ่าๆ




 

DAY 1


  • China Town

  • Brooklyn Bridge l Dumbo

START! วันแรกหลังจากที่เข้าเช็คอินเก็บกระเป๋าเข้าที่พักกันเรียบร้อยแล้ว เริ่มต้นวันแรกใน New York ด้วย China Town ที่อยู่ไม่ไกลจากที่พักเรา


ความดีของที่นี่คือ มีอาหารและของกินที่ถูกปากเรามาก สำหรับคนที่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศจะรู้ว่าการหาอาหาร Asian ที่ถูกปากได้นั้นมันลำบากขนาดไหน


 

Brooklyn Bridge l Dumbo


หลังจากแวะหาของกินกันเรียบร้อยแล้ว เหลือเวลาอีกประมาณครึ่งวัน เริ่มต้นจากสถานี Elmhurst Av. นั่ง Subway สายสีฟ้า / E ไปลงที่สถานี Lexington Av. / 53 st. เพื่อเปลี่ยนสายไปยัง สายสีเขียว / สาย 4 จาก 51 st. ไปยัง Brooklyn Bridge / City Hall


พอออกจากสถานีรถไฟปุ๊บ เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เราก็จะเห็นสะพานแล้วก็เดินตามฝูงชนไปเลยไม่มีทางหลงแน่นอนเพราะส่วนใหญ่ที่ลงสถานีนี้จะมุ่งหน้าไปยัง Brooklyn Bridge กันทั้งนั้น


Brooklyn Bridge เป็นสะพานแขวนที่ใหญ่ที่สุดในโลกสร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1883 สร้างขึ้นมาเพื่อเชื่อมระหว่างเกาะ Manhattan และ Brooklyn ข้างใต้เป็นแม่น้ำ East River สะพานมีความยาวถึง 1,825 เมตร เดินกันเพลินๆไปกลับขาลากแน่นอน บอกเลย!




 

Dumbo


Dombo เป็น Landmark ยอดฮิตที่สองที่เราจะนำเสนอในวันนี้ เมื่อเดินทางบน Brooklyn Bridge มาจนสุดสะพานเยื้องไปทางซ้ายนิดหน่อย ตามป้ายและผู้คนมาไม่มีทางหลงแน่นอน ขอบอกเลยว่าถ้ามานิวยอร์กแล้วไม่ได้มาถ่ายรูปชิคๆที่มุมมหาชนนี้ถือว่าพลาดโคตรๆ

Cr.Unsplash

 

DAY 2

  • Liberty Statue

  • Wall street l Charging bull l 9-11 Tower l Century21 l Trinity church

  • Public library l Morgan library l Grand Central

  • Time square l Broadway


Start! วันที่ 2 ด้วยการตื่นเช้า อาบน้ำแต่งตัว เตรียมตัวเดินทาง ผมเริ่มต้นเดินทางวันนี้โดยการเดินไปขึ้น MTA ที่ Elmhurt นั่งสาย 1 / สายสีแดงลงไปที่สถานี South Ferry station เพื่อไปรอต่อแถวขึ้นเรือที่ Battery Park 

หลังจากลง Metro สายสีแดงมาลงที่ South Ferry Station ก็จะพบกับ Battery Park สวนสาธารณะสำหรับพักผ่อนของชาว Newyorker

แถวต่อเพื่อซื้อตั๋วเพื่อข้ามไปยังเกาะ Librety islannd


เทพีเสรีภาพมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า The Statue of Liberty Enlightening The World เป็นของขวัญที่ฝรั่งเศสมอบให้สหรัฐอเมริกา ในวันเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี ของการประกาศอิสรภาพ เพื่อแสดงถึงพันธมิตรในสงครามปฏิวัติอเมริกา ต่อมาเทพีเสรีภาพนี้ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของอิสรภาพและประชาธิปไตยของประเทศสหรัฐอเมริกา และต่อมาในปี ค.ศ. 1984 องค์การ UNESCO ได้ขึ้นทะเบียนให้เทพีเสรีภาพนี้ เป็นมรดกโลกอีกด้วย สุดยอด !


  • จุดขึ้นเรือไปชมเทพีเสรีภาพ สามารถขึ้นได้ทั้งจากฝั่ง New York และ New Jersy

  • สามารถจองตั๋วล่วงหน้า ผ่านทางเว็บไซต์

  • บนมุงกุฎ (Crown) สามารถเข้าชมได้แต่ต้องจองตั๋วมาล่วงหน้าเช่นกัน ชื่อว่า CROWN RESERVE TICKET แต่ขอบอกก่อนว่าเต็มเร็วมาก และต้องจองล่วงหน้า 3-4 เดือน

  • ราคา RESERVE TICKET ธรรมดา สามารถเที่ยวได้แค่รอบๆเกาะ Liberty ราคาจะอยู่ที่ ผู้ใหญ่: $18.50 | ผู้สูงอายุ 62+: $14 | เด็ก 4-12: $9 | เด็กเล็ก (0-3): เข้าชมฟรี


เนื่องจากเราได้ทำการจองบัตรเข้าเข้าชมเกาะ จากใน Online มาเรียบร้อยแล้ว พอเรามาถึงเราก็สามารถเดินเพื่อเข้าไปต่อแถวเพื่อขึ้นเรือได้เลยโดยไม่ต้องไปต่อแถวเพื่อทำการซื้อ/แลกบัตรอีกรอบเพราะแถวยาวมาก ก็ไปที่จุด Security screening เตรียมตรวจสิ่งของอันตรายเรียบร้อย คล้ายเครื่องบิน พอตรวจเสร็จเจ้าหน้าที่ก็นำเราไปขึ้นเรือ


พอขึ้นเรือก็ถึงเวลาจับจองที่นั่ง เราเลือกนั่งชั้นบนสุดของเรือ พอเรือออก คนก็ลุกจากที่นั่งกันเกือบทุกคน เพื่อถ่ายภาพวิวฝั่งเกาะแมนฮัตตัน และวิวเกาะต่างๆ อากาศบนเรือลมเย็นพอสมควร เพราะวันที่ไปแดดไม่ค่อยมีและท้องฟ้าค่อนข้างครึ้ม เพราะฉนั้นควรเช็คสภาพอากาศ และเตรียมตัวมาให้ดีๆ



ไม่นานเรือก็มาเทียบท่าที่เกาะ Liberty คนเริ่มทยอยลง พอขึ้นมาบนเกาะก็สามารถเดินไปรับ Audio Guide เพื่อเป็นไกด์เสียงให้กับเราฟรี (จริงๆแล้วเราเสียค่า Audio Tour ไปกับตั๋วแล้ว)โดยไม่ต้องแลกบัตร แต่ต้องเอามาคืนนะครับ ฮ่าๆ



ซึ่งบัตรที่เราจองมานั้นจะสามารถเที่ยวได้เพียงแค่รอบๆของเกาะเท่านั้น ไม่สามารถขึ้นไปในส่วนของมงกุฎได้ แต่ถ้าใครอยากจะขึ้นไปข้างบนก็สามารถจองล่วงหน้าผ่านออนไลน์ได้เหมือนกัน แต่ขอบอกก่อนนะว่าคิวยาวมากกกก!



ถามว่าสวยมั้ยก็สวยนะ แต่นักท่องเที่ยวเยอะไปหน่อย ทำให้จุดถ่ายรูปที่เป็นจุด Landmark นั้นค่อนข้างจะแออัด แต่ก็อย่างว่าแหละ เทพีเสรีภาพ เป็นสถานที่ ที่เราเห็นเห็นอยู่ตลอดๆมาตั้งแต่เด็กและวันนี้ได้มาเหยียบที่นี่จริงๆ มันตื่นเต้นสุดๆไปเลย ฮ่าๆ


 

Charging Bull


เราใช้เวลาอยู่บนนี้กันเกือบ 2 ชั่วโมงก็ได้เวลาที่ต้องนั่งเรือกลับก็เดินลัด Battery Park มาเรื่อยๆก็จะเจอกับอีกหนึ่ง Landmark ยอดฮิตของที่นี่นั่นก็คือ Charging bull รูปปั้นวัวกระทิงที่ตั้งอยู่กลางถนน Wall Street

ซึ่งที่นี่มีความเชื่อว่า "หากใครได้ไปลูบไข่ของรูปปั้นกระทิงตัวนี้ จะมีความร่ำรวยเข้ามาในชีวิต"

แน่นอนว่าแลนด์มาร์กนี้เป็นที่นิยมมากกก ของนักท่องเที่ยว และคนก็ต่อคิวกันเยอะมาก แต่ด้วยความเชื่อที่ว่ามาข้างบนนั้น จะเป็นไปได้หรอที่จะไม่ไปเข้าคิวเพื่อรอลูบไข่กระทิงด้วยนี้ ฮ่าๆ



 

9-11 Memorial


เดินชมเมืองบนถนน Wall Street มาเรื่อยๆก็จะเจอกับอนุสรณ์สถาน เป็นบ่อน้ำสี่เหลี่ยมจตุรัส ซึ่งตรงจุดนี้เคยเป็นตึก World Trade l ก่อนที่จะเกิดกับเหตุการณ์ โศกนาฏกรรมตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ มาก่อนซึ่งทางสหรัฐก็ได้สร้างตึก World Trade ll ใหม่ไว้ด้านหลังของอนุสรณ์นี้ และได้ดัดแปลงตรงส่วนตรงนี้นี้เป็นพื้นที่เอาไว้ลำลึกถึงเหตุการณ์วันนั้น บอกก่อนเลยว่าตั้งแต่ที่เดินเข้าไปขนลุกไปหมดทั้งรายชื่อที่อยู่บนอนุสรณ์รวมถึงบรรยากาศแถวนั้น ใครที่มา NYC แล้วยังไม่เคยแวะมา ก็ลองมาเดินเล่นกันได้




 

Time Square


ปิดท้ายคืนนี้ด้วยสถานที่แลนด์มาร์กยอดฮิตอีกที่นึงที่ใครก็ตามที่ได้มา NYC จะต้องแวะมา เพราะถ้าไม่มาจะถือว่ามาไม่ถึง นั้นก็คือ ไทม์สแควร์ (Time Square) เราเลือกนั่งรถไฟใต้ดินเดินทางจาก 9-11 Memorial เราขึ้นรถไฟสายสีม่วงจากสถานี 34 Street Hudson Yards เพื่อไปยัง Uptown และลงที่สถานี Time Square


ไทม์สแควร์ (Time Square) ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวและช้อปปิ้งยอดฮิตเสมือนเป็นสยามแสควร์บ้านเรา ส่วนตัวผมว่า ถ้าอยากได้อะไร ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า หรือซื้อของฝาก ที่ไทม์สแควร์ (Time Square) คือมีหมด เพราะร้านเยอะมาก ไม่ว่าจะแบรนด์แนมหรือสินค้าแบรนด์ทั่วไป


 

DAY 3

  • Central Park l Umpire Rock

  • The Met l Natural History

  • 5 Avenue l Saint Thomus Church

  • Flatiron Tower

  • Top of the rock l Empire Building


Central Park


Start! วันที่ 3 ด้วยด้วยการไป Central Park นั่ง Metro จากสถานี Elmhurst เช่นเคย ขึ้น สาย R / สายสีเหลือง เพื่อมายังสถานี Lexington Av. / 59 St. จากนั้นเดินต่ออีกนิดหน่อยเพื่อไปขึ้น รถบัส สาย 5 จาก 59 St. ไปยัง 86 St.


Central Park เป็นพื้นที่หนึ่งที่เกิดจากการวางผังเมืองอย่างเป็นระบบ และการเห็นคุณค่าของพื้นที่สีเขียว เป็นสถานที่ๆ ชาว Newyorker ออกมาใช้ชีวิตกันนอกบ้านมาขึ้นโดยการออกมาทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น วิ่ง ออกกำลังกาย ปิคนิค นั่งเล่น อ่านหนังสือ พาน้องหมามาเดินเล่น ถ่ายรูปเล่น หรือจะเป็นการปั่นจักรยานรอบสวน ถือว่าเป็นสถานที่ๆมีชีวิตชีวามากๆที่นึงเลยก็ว่าได้



 

The Metropolitan Museum of Art


The Metropolitan Museum of Art ตั้งอยู่ฝั่ง East ของ Central Park ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเราลง Metro ที่สถานี 86th Street ก็สามารถเดินลัดตรงๆมายัง The Metropolitan Museum of Art ได้เลย


สำหรับค่าเข้าที่ The Met สามารถซื้อบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ได้แบบ เต็มราคา 25$ และแบบ Donation หรือการบริจาคนั้นเอง นั้นก็แปลว่าคุณจะเท่าไรก็ได้ 1$ 2$ 3$ ก็สามารถเข้าได้ แต่สำหรับเราแล้ว เราตั้งใจจะมาที่นี่ บวกกับอยากบริจาคเพื่อสนับสนุนพิพิธภัณฑ์ เลยซื้อตั๋วราคา Student ในราคาไปเพียง 12$


Tip: เราสามรถใช้บัตร นิสิต/นักศึกษา เพื่อซื้อบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ได้ในราคา Student !! จากราคาเต็ม 25$ จะเหลือ 12$ เท่านั้นเอง บอกเลยมันดีมาก ไปเที่ยวก็อย่าลืมพกบัตรนิสิตจากประเทสไทยไปล่ะ ฮ่าๆ

ตั๋วเข้าชมที่ซื้อจากตู้อัตโนมัติในราคา นิสิต/นักศึกษา!!


 

5Th Avenue. / Saint Thomus Church / Rockefeller Center 


เราใช้เวลาเดินเล่นใน The Met จนถึงเย็นก็โดนพนักงานไล่ออกมาเพราะพิพิธภัณฑ์ เขาจะปิดให้บริการแล้ว ก็เดินได้เวลาไปเก็บแลนด์มาร์กที่อื่นต่อ นั้นก็คือ ถนน 5th Avenue และแน่นอนแลนด์มาร์กสำหรับที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆของถนนเส้นนี้ก็คือ Saint Thomus Church ซึ่งเป็นโบสถ์ที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยมาก ยิ่งข้างในนะทั้งใหญ่และกว้างมาก

คือบอกเลยว่า Saint Thomus Church คือโคตรสวย สวยมากทั้งด้านนอกยันด้านในจริงๆ แนะนำ!


 

Rockefeller Center 


เดินต่อบน ถนน 5th Avenue ไปอีกประมาณ 3 บล็อคเพื่อไปยังอีกหนึ่ง Landmark สำคัญที่ต้องไปให้ได้ในชีวิตถ้ามา Newyork นั้นก็คืออออ Rockefeller Center  ศูนย์ Complex ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลาง Manhattan



Rockefeller Center เป็นย่านที่เต็มไปด้วยอาคารสำนักงาน ร้านค้าร้านอาหาร สวนหย่อม สถานีโทรทัศน์ และสินค้าแบรนด์เนมเยอะมาก เรียกได้ว่าสามารถมาซื้อของแบบครบจบได้ที่นี่ที่เดียว และ Rockefeller Center เนี่ยมีเอกลักษณ์อย่างนึงคือ ธงชาติเกือบแทบทุกประเทศทั่วโลก และจุดชมชืมที่เรียกว่า Top of the rock ที่ตั้งอยู่บนตึกชั้นสูงสุด คือชั้น 67 ที่วิวแต่ละด้านจะสามารถเห็นวิวของ Manhattan ได้แบบ 360องศา กันเลยทีเดียว ซึ่งค่าเข้าจะอยู่ที่ ผู้ใหญ่ $41.47 และเด็ก $34.84



Cr. Unsplash

จะบอกว่า Rockefeller Center ในช่วงหน้าหนาวนั้นในบริเวณหน้าตึกจะตกแต่งไปด้วยไฟปรัดับ และเป็นลานเสก็ตน้ำแข็ง ที่เป็นโลเคชั่นถ่ายหนัง Hollywood หลายๆเรื่องนั้นเอ๊งงงง
Cr. Unsplash

 

Flatiron Tower

เดินต่อไปอีก 3 บล็อคจาก Rockefeller Center ก็จะเจอกับแลนด์มาร์กยอดฮิตสำหรับชาว Instagramer ที่พลาดไม่ได้ที่จะต้องไปถ่ายรูปเพื่ออวดเพื่อนว่า นี่ฉันมาถึง New York จริงๆนะโว้ย นั้นก็คือออ Flatiron Tower


Cr. Unsplash

ตึกรูปทรงสามเหลี่ยมประหลาดๆรูปร่างแปลงตานี้แหละที่ชื่อว่า Flatiron Tower ที่มาจากรูปร่างที่คล้ายกับเตารีดนั้นแหละ จริงๆตึกนี้ไม่มีอะไรมากนอกจากรูปทรงประหลาดๆของมัน เพราะภายในเขาไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไป แต่เพื่อความชิค ! ถ้าไม่ถ่ายรูปคู่เดี้ยวเพื่อนจะหาว่ามาไม่ถึง ฮ่าๆ

 

DAY 4+1

  • Rode to Niagara Falls



 

ติดตามผู้เขียนได้ที่

Facebook: Pun Artsamartsiri

IG: _punpunn

#Newyork


 
 
 

Comments


Post: Blog2_Post

Subscribe Form

Thanks for submitting!

  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn

©2019 by Journey.ISM. Proudly created with Wix.com

bottom of page